
กรณีศึกษา Hey Coffee
ช่วงเวลาที่ลูกค้าแน่นร้านกาแฟที่สุดคือช่วงเช้า
“Hey Coffee” ก็เช่นกัน
ร้าน“Hey Coffee”
เป็นร้านกาแฟที่มีจุดเริ่มต้นจาก
การเน้นกลยุทธ์ร้านกาแฟบนทางด่วน
ที่กลุ่มลูกค้าคือผู้สัญจรที่ไม่อยากใช้เวลานาน
ในการซื้อเครื่องดื่มเพื่อไปต่อยังจุดหมายปลายทาง
จุดเด่นที่มีมาแต่ไหนแต่ไร
คือบริการ Grab&Go
ที่ให้ลูกค้าโทรแจ้งเครื่องดื่ม ธนบัตรที่จ่าย
และระยะเวลาที่จะเดินทางมาถึง
เมื่อลูกค้ามาถึงเพียงแค่รับเครื่องดื่ม
เงินทอนและขับรถออกไปได้เลย
โดยไม่ต้องเสียเวลาจอด
นานๆผ่านมาทางเส้นทางด่วนแจ้งวัฒนะ
เลยขอแวะซื้อกาแฟ
“เหรียญได้มั้ย”
เพราะเห็นธนบัตรใหญ่ 1,000 ในกระเป๋า
“ได้เลยครับ”
ลองคิดภาพพนักงานที่ต้องนับเหรียญทั้งหมด
” 90 บาท”
ด้วยความเกรงใจก็เอ่ยปากขอโทษอยู่เนืองๆ
ลองคิดภาพตามว่า…
ช่วงเวลาเช้าที่คนเยอะ หากMan Power ขาด
เพราะต้องช่วยนับเหรียญ
ก็จะทำให้ลูกค้าท่านอื่นพลอยได้เครื่องดื่มช้าไปด้วย
วิธีคิดที่ก้าวหน้ากว่านั้นคือ
น้องพนักงานเรียกเพื่อนมาช่วยนับอีก 1 คนเพื่อให้รวดเร็วขึ้น
“ถ้าพี่มีอีก ผมนับให้แลกเป็นแบงค์ได้นะครับ”
พนักงานแสดงความใส่ใจ
“ยังไงผมก็ต้องใช้อยู่แล้วครับ”
ว่าแล้วก็ลองดู
เหรียญทั้งหมดถูกนับเสร็จอย่างรวดเร็ว
“450 บาท”
มองในมุมธุรกิจ
“ต้นทุนค่าเสียโอกาส” ที่แลกกับเวลา
ของพนักงานในการบริการท่านอื่น
เราอาจจะได้เห็นสีหน้า ท่าทางความไม่พอใจ
หากลูกค้านำเหรียญมาจ่ายในช่วงเร่งรีบ
“Hey Coffee” ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรได้ไกลกว่านั้น
เขาไม่ได้คิดว่าลูกค้าคือลูกค้า
แต่คิดว่าคือ “เพื่อนบ้าน” (Neighborhood Cafe)
ที่ต้องดูแลใส่ใจ
“เพราะการรักษาฐานลูกค้าเก่า ง่ายกว่าการหาลูกค้าใหม่”
ขอบคุณสำหรับความใส่ใจแม้ในช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดของวัน
ผ่านไปร้าน Hey Coffee อย่าลืมไปอุดหนุนกันนะคะ
ด้วยรัก
Beyond Services